สาย นาฬิกา โร เล็ก ซ์
ท่ายืดบ่า สามารถทำได้โดยการนั่งอยู่กับเก้าอี้ ใช้มือซ้ายจับศีรษะด้านขวา เอียงไปด้านข้างแล้วกดศีรษะลงเล็กน้อย ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที ทำเช่นนี้ทุกๆ 1 ชั่วโมง ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม - ท่าที่ 2 ยืดกล้ามเนื้อคอ 2. ท่ายืดกล้ามเนื้อคอ ท่านี้จะช่วยลดอาการปวดตึงเนื่องจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน วิธีการคือนั่งตัวตรงมองไปข้างหน้าแล้วเอียงคอไปทางไหล่ข้างขวาประมาณ 45 องศา ค้างไว้ 15 วินาที ใช้มือช่วยดึงรั้งศีรษะเพื่อยืดคอ จากนั้นสลับทำอีกข้าง ทำซ้ำประมาณ 3-4 ครั้ง ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม - ท่าที่ 3 บริหารกล้ามเนื้อหลัง 3. ท่าบริหารกล้ามเนื้อหลัง ท่านี้จำเป็นต้องใช้เก้าอี้ออฟฟิศชนิดหมุนได้ และต้องมีพื้นที่เล็กน้อย เริ่มทำโดยการนั่งหลังตรง ยกขาขึ้นมาจากพื้นเป็นมุมฉาก เอามือทั้งสองข้างจับโต๊ะทำงานเอาไว้ จากนั้นหมุนตัวซ้ายขวาสลับกัน ทำต่อเนื่องประมาณ 5 นาที ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม - ท่าที่ 4 บริหารไหล่และหลัง 4. ท่าบริหารไหล่และหลัง อีกหนึ่งท่าที่สามารถทำได้ง่าย เพียงนั่งหลังตรงบนเก้าอี้ นำมือขวาจับที่เข่าซ้าย จากนั้นหันลำตัวข้ามไหล่ด้านซ้ายเพื่อมองไปข้างหลัง ค้างไว้ 30 วินาที แล้วทำซ้ำอีกข้าง ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม - ท่าที่ 5 กล้ามเนื้อแขนและไหล่ 5.
ถ้าอยากรู้ว่าดีกว่ายังไง หาคำตอบได้ที่ บทความนี้ เลย!
"Ars longa, vita brevis" "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินประโยคนี้กันมาแล้ว และจะดีแค่ไหนหากเราทำให้ตัวเราและศิลปะเติบโตไปพร้อม ๆ กันได้? 'รอยสัก' เองก็เป็นศิลปะที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน ซึ่งเสน่ห์ของศิลปะประเภทนี้อยู่ตรงที่ ตัวเรานั่นแหละคือ Canvas ชั้นเลิศ ทุกลวดลายอันมีที่มา จะเติบโตไปพร้อมผู้สัก พร้อมบอกเล่าความเป็นตัวตนได้เป็นอย่างดี หลาย ๆ คนอาจกำลังคิดไม่ตก ใจก็อยากสักแต่ไม่รู้จะสักอะไรดี เลือกลายไม่ถูกบ้าง กลัวจะเบื่อบ้าง วันนี้ Mover จึงมานำเสนอ 13 ประเภท 'รอยสัก' แบบจัดเต็ม ใครที่สนใจจะจะแต่งเติมเรื่องราวผ่านรอยหมึกเหล่านี้ห้ามพลาดเด็ดขาด!
Notice คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อดำเนินการต่อ เข้าสู่ระบบ Facebook
< ติดตามงานเขียนอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ทาง Instragram @writtenbydream ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
58 เมตร มีบันไดประมาณ 293 ขั้น โครงสร้างโดยรวมทำจากหินอ่อนสีขาวสวยงาม มีความโดดเด่นด้วยความเอียงจากพื้นประมาณ 3. 97 องศา โดยบริเวณยอดของหอระฆังห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นประมาณ 3. 9 เมตร แม้จะสร้างแล้วเสร็จแล้ว Leaning Tower of Pisa ก็ยังเอนลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค. 1934 นั้น เบนิโต มุสโสลินี ได้เทคอนกรีตลงไปที่ฐานเนื่องด้วยพยายามจะให้หอระฆังกลับมาตั้งฉากเหมือนเดิม แต่นั่นกลับยิ่งทำให้หอระฆังยิ่งเอียงมากขึ้นไปกว่าเดิม จากเหตุผลนี้เองทำให้กองทัพของสหรัฐ ตัดสินใจที่ไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนปิซา ต่อมาในปี ค. รัฐบาลอิตาลี ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักคณิตศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ และวิศวกรมากมายมาช่วยพยายามทำให้หอเอนปิซากลับมาตั้งฉากเหมือนเดิม ซึ่งในครั้งนั้นต้องใช้เหล็กค้ำเพื่อไม่ให้หอล้มลงมารวมแล้วมากถึง 800 ตันเลยทีเดียว การก่อสร้างครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1990 ที่หอเอนปิซาได้ถูกปิดตัวลงและไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยมชม จากนั้นได้ขุดดินอีกด้านออกเพื่อให้บริเวณหอระฆังเกิดความสมดุล และเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี 2001 โดยได้ประกาศว่าหอเอนปิซาแห่งนี้สมดุลแล้ว เนื่องด้วยความโดดเด่นของการเอนเอียงของหอเอนปิซาอันเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้ในปี ค.